สาระน่ารู้

ถุงน่้อง รักษาเส้นเลือดขอด

ปัญหาเส้นเลือดขอดที่เกิดขึ้นที่ขาหรือน่อง เป็นสิ่งที่พบเห็นได้มากขึ้นเรื่อยๆ มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ส่วนมากสาเหตุเกิดมาจากการทำงานที่ต้องยืน เดิน นานๆ แต่ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆได้ เช่น ความอ่อนแอของโครงสร้างผนังเส้นเลือดดำและลิ้นบางๆ ที่อยู่ภายในเส้นเลือด ซึ่งมักจะสืบทอดทางกรรมพันธุ์ ความอ้วนหรืออาจเกิดได้กับหญิงมีครรภ์และผู้สูงอายุได้เช่นกัน อาการที่พบคืออาการปวดที่เกิดจากเส้นเลือดขอด เรียวขาไม่เรียบ มีริ้วรอย ทำให้ขาดความมั่นใจในบุคลิกภาพ จึงทำให้ในปัจจุบันมีการขายผลิตภัณฑ์คล้ายถุงน่องที่แอบอ้างว่าสามารถแก้ไขปัญหาเส้นเลือดขอด โดยราคาขายอยู่ที่ประมาณคู่ละ 10,000 กว่าบาทซึ่งเป็นราคาที่แพงกว่าถุงน่องธรรมดามาก นอกจากนี้ยังระบุว่าถุงน่องดังกล่าว ทำจากทองคำขาว ที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งมีการแอบอ้างว่าได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้ว ทั้งนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้ตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีการนำเข้าผลิตภัณฑ์นี้แต่อย่างใด นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังไม่ได้ผ่านการขออนุญาตโฆษณาเครื่องมือแพทย์จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาอีกด้วย 
ปกติปัญหาเส้นเลือดขอดนั้น มีวิธีป้องกันได้ง่ายๆ โดยการไม่สวมเสื้อผ้าที่คับจนเกินไป หลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งนานๆ ควรพักเท้าโดยการนั่งหรือนอนยกเท้าสูงคราวละ 15 นาที หรือการพักเท้าบนม้านั่ง นอกจากนี้ยังควรทำการฝึกกล้ามเนื้อน่องโดยการยืนตัวตรง เขย่งเท้าขึ้น ลงช้าๆ 3 ชุด ชุดละ10 ครั้ง ซึ่งการกระทำเหล่านี้มีส่วนช่วยให้การไหลเวียนของเลือดในเส้นเลือดดำที่ขาไหลกลับสู่ร่างกายส่วนบนได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ถ้าเราอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้หรือมีปัจจัยที่จะเสริมให้เกิดโรคนี้ เช่น การทำงานที่ต้องยืน เดินนานๆ หรือเริ่มเห็นเส้นเลือดขอดขึ้นตามขาบ้างแล้ว การป้องกันสามารถทำได้โดยการใส่ถุงน่องแบบกระชับก็อาจจะช่วยให้ภาระเส้นเลือดขอดนี้ไม่เป็นมากขึ้น หรือทำให้การดำเนินโรคช้าลง การรักษาในปัจจุบันมีทั้งการฉีดยาให้เส้นเลือดที่ตีบ ไปจนกระทั้งการผ่าตัดดึงเส้นเลือดออก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของคนไข้และการตัดสินใจของแพทย์ในแต่ละรายไป

ขนมขบเคี้ยว ...ที่น่าขบคิด


เด็กๆ กับขนม ดูเหมือนจะกลายเป็นของคู่กันไปเสียแล้วไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใด โดยเฉพาะในปัจจุบันได้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม ค่านิยม เทคโนโลยี หรือจากด้านอื่นๆ ขนมจึงได้ถูกนำมาบรรจุภัณฑ์ให้เป็นสินค้าหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ขนมขบเคี้ยว” ที่มีรูปลักษณ์สวยงาม ล่อตาล่อใจ รสชาติหลากหลายสารพัดรูปแบบ รวมทั้งเด็กๆ สามารถหาซื้อได้เองทั้งจากห้างสรรพสินค้า ร้านขายของทั่วไปหรือกระทั่งในโรงเรียน ซึ่งในขนมดังกล่าว จัดเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง แต่ให้โภชนาการค่อนข้างน้อยเพราะอุดมไปด้วยแป้ง น้ำตาล ไขมัน เกลือ และผงชูรสเป็นส่วนประกอบหลักทั้งสิ้นถ้าเด็กรับประทานเข้าไปมากอาจทำให้ได้รับพลังงานเกินในร่างกาย เกิดภาวะโภชนาการเกินก่อให้เกิดภาวะผิดปกติอันเนื่องมาจากภาวะอ้วน เช่น มีไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์สูง และการทำงานของไตเริ่มผิดปกติ
การห้ามไม่ให้เด็กรับประทานขนมย่อมเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะในปัจจุบันพบว่ามีการโฆษณาขนมทางสื่อต่างๆ อย่างหนัก รวมทั้งของแถมที่มากับขนม ซึ่งเป็นสิ่งจูงใจให้นิยมชมชอบขนมขบเคี้ยวมากขึ้น ดังนั้นหากไม่ต้องการให้เด็กรับประทานบรรดาขนมขบเคี้ยวมากจนเกินไปควรจัดวินัยในการรับประทานขนมให้เด็กอย่างถูกวิธี ควรให้หลังจากเด็กรับประทานอาหารหลักแล้ว รวมทั้งเวลาเลือกซื้อขนมขบเคี้ยวชนิดต่างๆ ควรคำนึงถึงปริมาณและคุณภาพของขนมที่จะรับประทานก่อนทุกครั้ง โดยพิจารณาจากฉลากโภชนาการที่ระบุไว้เพื่อประเมินส่วนประกอบของขนมก่อนเลือกซื้อเป็นสำคัญ และควรสอนเด็กให้รู้จักการอ่านและวิเคราะห์ฉลากอย่างง่ายๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานให้เด็กได้รู้จักเลือกบริโภคอาหารอื่นๆ ได้อีกด้วย และสิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้คือควรเป็นตัวอย่างที่ดี เพราะเด็กๆ จะสังเกตได้จากพฤติกรรมการเลือกรับประทานอาหารจากบุคคลใกล้ชิด นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารให้เป็นเวลา ครบทั้ง 5 หมู่ บริโภคผัก ผลไม้ทุกวัน ซึ่งมีประโยชน์และคุณค่ามากกว่าขนมขบเคี้ยว และควรออกกำลังกายร่วมด้วยเพื่อสร้างสุขภาพอนามัยที่ดี ความอ้วนไม่ย่างกราย โรคร้ายไม่มารุมเร้า..