ขนมขบเคี้ยว ...ที่น่าขบคิด

ขนมขบเคี้ยว ...ที่น่าขบคิด


เด็กๆ กับขนม ดูเหมือนจะกลายเป็นของคู่กันไปเสียแล้วไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใด โดยเฉพาะในปัจจุบันได้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม ค่านิยม เทคโนโลยี หรือจากด้านอื่นๆ ขนมจึงได้ถูกนำมาบรรจุภัณฑ์ให้เป็นสินค้าหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ขนมขบเคี้ยว” ที่มีรูปลักษณ์สวยงาม ล่อตาล่อใจ รสชาติหลากหลายสารพัดรูปแบบ รวมทั้งเด็กๆ สามารถหาซื้อได้เองทั้งจากห้างสรรพสินค้า ร้านขายของทั่วไปหรือกระทั่งในโรงเรียน ซึ่งในขนมดังกล่าว จัดเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง แต่ให้โภชนาการค่อนข้างน้อยเพราะอุดมไปด้วยแป้ง น้ำตาล ไขมัน เกลือ และผงชูรสเป็นส่วนประกอบหลักทั้งสิ้นถ้าเด็กรับประทานเข้าไปมากอาจทำให้ได้รับพลังงานเกินในร่างกาย เกิดภาวะโภชนาการเกินก่อให้เกิดภาวะผิดปกติอันเนื่องมาจากภาวะอ้วน เช่น มีไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์สูง และการทำงานของไตเริ่มผิดปกติ
การห้ามไม่ให้เด็กรับประทานขนมย่อมเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะในปัจจุบันพบว่ามีการโฆษณาขนมทางสื่อต่างๆ อย่างหนัก รวมทั้งของแถมที่มากับขนม ซึ่งเป็นสิ่งจูงใจให้นิยมชมชอบขนมขบเคี้ยวมากขึ้น ดังนั้นหากไม่ต้องการให้เด็กรับประทานบรรดาขนมขบเคี้ยวมากจนเกินไปควรจัดวินัยในการรับประทานขนมให้เด็กอย่างถูกวิธี ควรให้หลังจากเด็กรับประทานอาหารหลักแล้ว รวมทั้งเวลาเลือกซื้อขนมขบเคี้ยวชนิดต่างๆ ควรคำนึงถึงปริมาณและคุณภาพของขนมที่จะรับประทานก่อนทุกครั้ง โดยพิจารณาจากฉลากโภชนาการที่ระบุไว้เพื่อประเมินส่วนประกอบของขนมก่อนเลือกซื้อเป็นสำคัญ และควรสอนเด็กให้รู้จักการอ่านและวิเคราะห์ฉลากอย่างง่ายๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานให้เด็กได้รู้จักเลือกบริโภคอาหารอื่นๆ ได้อีกด้วย และสิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้คือควรเป็นตัวอย่างที่ดี เพราะเด็กๆ จะสังเกตได้จากพฤติกรรมการเลือกรับประทานอาหารจากบุคคลใกล้ชิด นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารให้เป็นเวลา ครบทั้ง 5 หมู่ บริโภคผัก ผลไม้ทุกวัน ซึ่งมีประโยชน์และคุณค่ามากกว่าขนมขบเคี้ยว และควรออกกำลังกายร่วมด้วยเพื่อสร้างสุขภาพอนามัยที่ดี ความอ้วนไม่ย่างกราย โรคร้ายไม่มารุมเร้า..